เริ่มต้นใช้งาน Zimbra

การกำหนดเงื่อนไขการส่งอีเมล HTML / Plain Text, BCC, High Priority, Request Read Receipt

by ServerToday Team | 6 Mins Read

ในยุคดิจิทัลที่การสื่อสารผ่านอีเมลเป็นสิ่งสำคัญ การกำหนดเงื่อนไขในการส่งอีเมลไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร แต่ยังช่วยให้การส่งอีเมลเป็นไปตามความต้องการเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น การกำหนดรูปแบบข้อความ การซ่อนรายชื่อผู้รับ หรือการกำหนดความสำคัญของอีเมล เพื่อให้มั่นใจว่าอีเมลของคุณจะได้รับความสนใจจากผู้รับอย่างถูกต้อง

// ขั้นตอนการกำหนดเงื่อนไขการส่งอีเมล
zimbra

1. สร้างข้อความใหม่

  • ไปที่เมนู Mail แล้วเลือก New Message เพื่อเริ่มเขียนอีเมลใหม่

2. คลิกที่ปุ่ม Options

  • เมื่อเปิดหน้าเขียนอีเมล คุณจะเห็นปุ่ม Options ซึ่งมีตัวเลือกต่าง ๆ สำหรับกำหนดเงื่อนไขการส่งอีเมล ดังนี้:

2.1 กำหนดรูปแบบการเขียนข้อความ

คุณสามารถเลือกรูปแบบการเขียนข้อความอีเมลได้ระหว่าง HTML หรือ Plain Text:

  • HTML: ใช้สำหรับการส่งอีเมลที่มีการจัดรูปแบบตัวอักษร สี ขนาด หรือแทรกรูปภาพ
  • Plain Text: ใช้สำหรับการส่งอีเมลแบบข้อความล้วน ไม่มีการจัดรูปแบบใด ๆ ซึ่งเหมาะกับการส่งข้อความที่ต้องการความเรียบง่ายและเข้าถึงได้ทุกระบบ

2.2 การส่งอีเมลแบบ BCC

คุณสามารถเลือกส่งอีเมลแบบ BCC (Blind Carbon Copy) ซึ่งเป็นการส่งอีเมลไปยังผู้รับหลายคนโดยที่ผู้รับจะไม่เห็นอีเมลของผู้รับคนอื่นในช่อง BCC ส่วนผู้รับในช่อง To และ CC จะยังคงมองเห็นกันอยู่ตามปกติ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณสามารถส่งอีเมลไปยังกลุ่มผู้รับโดยไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้รับคนอื่น ๆ

2.3 การกำหนดระดับความสำคัญของจดหมาย

การกำหนดระดับความสำคัญของอีเมลช่วยให้ผู้รับสามารถแยกแยะและให้ความสำคัญกับอีเมลที่ได้รับได้ง่ายขึ้น โดยคุณสามารถเลือกได้ระหว่าง:

  • High Priority: สำหรับอีเมลที่ต้องการความสนใจเป็นพิเศษ
  • Normal Priority: สำหรับอีเมลทั่วไป
  • Low Priority: สำหรับอีเมลที่ไม่เร่งด่วน

2.4 การกำหนดให้แสดงข้อความ Request Read Receipt

ฟีเจอร์ Request Read Receipt ช่วยให้คุณได้รับการยืนยันว่าผู้รับได้เปิดอ่านอีเมลที่คุณส่งไปแล้วหรือไม่ เมื่ออีเมลถูกเปิด ผู้รับจะเห็นคำร้องให้ตอบกลับการรับอ่าน ซึ่งทำให้คุณทราบได้ว่าข้อความของคุณได้รับการอ่านแล้ว

// HTML vs Plain Text: ความแตกต่างและการใช้งานในการส่งอีเมล

เมื่อคุณเขียนอีเมล คุณจะพบว่ามีสองรูปแบบหลักที่สามารถเลือกใช้ได้: HTML และ Plain Text แต่ละรูปแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อการนำเสนอและการรับชมอีเมลของผู้รับ ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายความแตกต่างระหว่าง HTML และ Plain Text รวมถึงสถานการณ์ที่เหมาะสมในการใช้งานแต่ละรูปแบบ

HTML (Hypertext Markup Language)

HTML เป็นรูปแบบการเขียนอีเมลที่ใช้โค้ด HTML เพื่อจัดรูปแบบและนำเสนอเนื้อหา อีเมลที่เขียนในรูปแบบ HTML สามารถมีสีสัน ภาพประกอบ ลิงก์ ตาราง การจัดวางข้อความที่หลากหลาย และการใช้ตัวอักษรในหลายรูปแบบและขนาด ข้อดีของการใช้อีเมลในรูปแบบ HTML ได้แก่:

  • การออกแบบที่หลากหลาย: คุณสามารถสร้างอีเมลที่สวยงามและมีความดึงดูดมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับอีเมลข่าวสาร การตลาด หรือการสื่อสารที่ต้องการเน้นภาพลักษณ์
  • การใช้สื่อหลากหลาย: HTML รองรับการแทรกภาพ ลิงก์ และวิดีโอ ทำให้คุณสามารถเพิ่มสื่อเหล่านี้เพื่อเสริมเนื้อหาและข้อความของคุณ
  • การวัดผล: HTML ช่วยให้สามารถติดตามการเปิดอ่านอีเมล การคลิกลิงก์ และพฤติกรรมของผู้รับอื่น ๆ ได้อย่างละเอียดผ่านเครื่องมือติดตาม

Plain Text

Plain Text เป็นรูปแบบการเขียนอีเมลที่ใช้ข้อความล้วน ๆ ไม่มีการจัดรูปแบบ ไม่มีภาพ ไม่มีลิงก์ที่คลิกได้ หรือการจัดวางที่ซับซ้อน เนื้อหาใน Plain Text จะเป็นข้อความที่เรียบง่าย โดยมีข้อดีดังนี้:

  • เข้าถึงได้ง่าย: อีเมล Plain Text สามารถแสดงผลได้ในอีเมลไคลเอนต์ทุกชนิดโดยไม่มีปัญหา ไม่ว่าผู้รับจะใช้อุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์อะไร
  • ความปลอดภัย: เนื่องจากไม่มีโค้ด HTML หรือสคริปต์ที่ซับซ้อน อีเมลแบบ Plain Text จึงมีความปลอดภัยสูงกว่า ลดความเสี่ยงจากการโจมตีผ่านอีเมล
  • ประสิทธิภาพสูง: อีเมล Plain Text มีขนาดเล็กและโหลดได้รวดเร็ว ทำให้เหมาะกับการส่งอีเมลในสถานการณ์ที่ต้องการความรวดเร็ว

// ควรเลือกใช้อีเมลรูปแบบไหน?

  • HTML: เหมาะสำหรับการสื่อสารทางธุรกิจ การตลาด การส่งจดหมายข่าวสาร หรือการสื่อสารที่ต้องการเน้นภาพลักษณ์และการจัดรูปแบบที่ดึงดูด
  • Plain Text: เหมาะสำหรับการสื่อสารทั่วไป การสื่อสารทางเทคนิค หรือการส่งอีเมลที่ต้องการความรวดเร็วและเข้าถึงง่าย ไม่ต้องพึ่งพาการจัดรูปแบบใดๆ

การเลือกใช้รูปแบบการเขียนอีเมลขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการส่งอีเมลนั้น ๆ รวมถึงผู้รับที่จะได้รับอีเมลด้วย การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง HTML และ Plain Text จะช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสื่อสารผ่านอีเมล

// ข้อดีของการกำหนดเงื่อนไขการส่งอีเมล

1. เพิ่มความยืดหยุ่นในการสื่อสาร: การเลือกรูปแบบข้อความและการใช้ BCC ช่วยให้การสื่อสารเป็นไปตามความต้องการเฉพาะเจาะจง

2. จัดลำดับความสำคัญของอีเมล: การกำหนดความสำคัญของอีเมลช่วยให้ผู้รับทราบถึงระดับความเร่งด่วนของข้อความ

3. ติดตามการอ่านอีเมล: การใช้ Request Read Receipt ช่วยให้คุณทราบว่าอีเมลที่ส่งไปได้รับการอ่านแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการติดตามผลการส่งอีเมล

// สรุป

การกำหนดเงื่อนไขในการส่งอีเมลเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารผ่านอีเมล ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรูปแบบข้อความ การซ่อนรายชื่อผู้รับ การกำหนดระดับความสำคัญ หรือการติดตามการอ่านอีเมล การรู้วิธีการใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถส่งอีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการมากยิ่งขึ้น

หากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาในการนำส่งอีเมลโปรดติดต่อ ทีมสนับสนุนของ ServerToday อีเมล support@servertoday.com หรือโทรศัพท์ 02-026-3112

Relate Articles

blog-1
เริ่มต้นใช้งาน Zimbra
เริ่มต้นใช้งาน Zimbra Mail Server (Zimbra Collaboration)

หากคุณกำลังเริ่มต้นใช้งาน Zimbra Email Collaboration ครั้งแรก คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้คุณใช้งาน Zimbra อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดย Zimbra Collaboration เป็นแพลตฟอร์มอีเมลและการทำงานร่วมกันที่ได้รับความนิยมสำหรับองค์กรทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่
blog-1
เริ่มต้นใช้งาน Zimbra
การเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชี Zimbra

เรียนรู้วิธีเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชี Zimbra อย่างง่ายดายและปลอดภัย คำแนะนำทีละขั้นตอนเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญของคุณ พร้อมเคล็ดลับการสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง
blog-1
เริ่มต้นใช้งาน Zimbra
การเปลี่ยนภาษาบนหน้าเว็บเมลของ Zimbra

โดยค่ามาตรฐาน Zimbra จะทำแสดงผลบน user interface ด้วยภาษาตามระบบปฏิบัติการของผู้ใช้งาน